การใช้งานตัวแปรต้องคำนึงถึง ชื่อตัวแปร และ ชนิดข้อมูล ของตัวแปร ชื่อตัวแปร เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า identifier โดยสามารถประกอบไปด้วย ตัวอักษร ตัวเลขและขีดเส้นใต้ (_) ของอักขระ และต้องขึ้นต้น ด้วยตัวอักษร หรือขีดเส้นใต้ โดยห้ามตั้งชื่อตรงกับคำสำคัญ
โดยในการตั้งชื่อตัวแปรต้องควรคำนึงถึงว่าชื่อตัวแปรสามารถอธิบายแทนข้อมูลที่เก็บได้ เพื่อให้สามารถอ่านโค้ดได้เข้าใจยิ่งขึ้น
การประกาศตัวแปร ต้องเอาชนิดข้อมูลไว้ข้างหน้าเว้นวรรณ แล้วตามด้วยชื่อตัวแปร ตามด้วย ; หรือ = ข้อมูล
โดยชนิดตัวแปร ขึ้นต้นด้วยตัวพิมพ์เล็กเท่านั้น
ชนิดตัวแปร ชื่อตัวแปร = ค่าที่ต้องเก็บ;หรือ
ชนิดตัวแปร ชื่อตัวแปร;ตัวอย่างเช่น
ชื่อตัวแปร = ค่าที่ต้องเก็บ;
int num1; num1 = 1;หรือ
int num1= 1;
ชนิดข้อมูล
- int - จำนวนเต็ม
- float - จำนวนจริง ต้องใส่หลังค่าข้อมูล f หรือ F
- decimal - จำนวน ใส่ m หลังค่าข้อมูลเป็นทศนิยม หากไม่ใส่ ต้องเป็นจำนวนเต็ม
- double - double ที่แม่นยำของ float
- char - ตัวอักษรตัวเดียว
- bool - Boolean สามารถมีได้ 2 ค่า: True หรือ False.\
- string - อนุกรมของตัวอักษร
int num1=1; double pi=3.14; char A='a'; bool ok='True'; string text='Hello';
หากผู้อ่านเขียนภาษา Python มาก่อน จะเห็นได้ว่า int , float , bool คล้ายกับภาษา Python
ส่วน string , char คล้ายกับ str ใน Python
ส่วน decimal ไม่มีใน Python
หลักการแปลงชนิดข้อมูล
ชนิดข้อมูลที่ต้องการแปลง.Parse(ข้อมูล ยกเว้น string);
ตัวอย่าง
int num1=1; double a=double.Parse(num1);
ในกรณีที่ต้องการแปลงชนิดข้อมูลให้เป็น string
ใช้คำสั่ง
ตัวแปรหรือข้อมูล.ToString();ตัวอย่าง
int num1=1; string a=num1.ToString();
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น